ความเสี่ยงคืออะไร ไปรู้จักกับการบริหารความเสี่ยงของการเทรดฟอเร็กซ์กัน

ความเสี่ยง ในการเทรดฟอเร็กซ์ถือเป็นสิ่งสำคัญอย่างมากที่ไม่ควรมองข้าม การจัดการ ความเสี่ยง ในการเทรดฟอเร็กซ์จึงเป็นสิ่งสำคัญที่เทรดเดอร์ควรให้ความสำคัญ และควรมีการบริหารจัดการความเสี่ยงให้ดี เพื่อก้าวสู่การเป็นเทรดเดอร์มืออาชีพ

ขั้นตอนแรกในการจัดการความเสี่ยงอย่างมีประสิทธิภาพคือการประเมินความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายฟอเร็กซ์ เทรดเดอร์ต้องระบุและทำความเข้าใจปัจจัยต่างๆ ที่อาจส่งผลต่อราคาสกุลเงิน เช่น สภาพทางเศรษฐกิจ เหตุการณ์ทางการเมือง  เทรดเดอร์สามารถศึกษาและอ่านข่าวตัวชี้วัดเหล่านี้ก่อนลงมือเทรดได้ สามารถเรียนรู้ข่าวฟอเร็กซ์ที่มีความสำคัญกับคู่เงินได้ที่นี่ : ข่าว Forex วิธีอ่านข่าวฟอเร็กซ์เพื่อการเทรดฟอเร็กซ์กับ EA Forex
การอ่านข่าวจากเว็บไซต์ Forexfactory : forex factory กับเคล็ดลับการใช้งานเปิดเผยแบบไม่กักทั้งข้อดี ข้อเสียมีอะไรบ้าง

ก่อนที่จะเริ่มการซื้อขายใดๆ เทรดเดอร์ควรกำหนดเป้าหมายกำไรที่เป็นไปได้ และระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ การตั้งเป้าหมายที่สามารถบรรลุได้จะช่วยให้จัดการความคาดหวังได้ดีขึ้นและป้องกันการตัดสินใจที่หุนหันพลันแล่นเนื่องจากความโลภหรือความกลัวได้อีกด้วย การทำความเข้าใจและจัดการ ความเสี่ยง ของตนเองได้จะช่วยให้เทรดเดอร์กำหนดจำนวนเงินสูงสุดที่ยอมขาดทุนได้ในการซื้อขายแต่ละครั้งและปรับขนาดความเสี่ยงที่เหมาะสมได้

การกระจาย ความเสี่ยง ในการเทรดฟอเร็กซ์ (Forex) เป็นกลยุทธ์ที่สำคัญเพื่อป้องกันการสูญเสียที่อาจเกิดขึ้นจากความผันผวนของตลาด โดยการกระจายความเสี่ยงในการเทรดฟอเร็กซ์สามารถทำได้ในหลายวิธี ดังนี้:

1. การเทรดหลายคู่สกุลเงิน: แทนที่จะเทรดในคู่สกุลเงินเดียว เช่น EUR/USD ให้ลองเทรดในหลายคู่สกุลเงิน เช่น USD/JPY, GBP/USD, และ AUD/USD เพื่อกระจายความเสี่ยงในกรณีที่คู่สกุลเงินหนึ่งมีความผันผวนสูง
2. การใช้หลายกลยุทธ์การเทรด: การใช้กลยุทธ์การเทรดที่หลากหลาย เช่น การเทรดระยะสั้น, ระยะกลาง, และระยะยาว
3. การใช้คำสั่ง Stop Loss และ Take Profit: การตั้งคำสั่ง Stop Loss เพื่อจำกัดการขาดทุนและคำสั่ง Take Profit เพื่อเก็บกำไรในระดับที่ตั้งเป้าไว้ จะช่วยป้องกันการสูญเสียมากเกินไปและล็อกกำไรเมื่อถึงเป้าหมาย
4. การกระจายพอร์ตการลงทุน : การกระจายพอร์ตการลงทุนจะช่วยลดความเสี่ยงได้เป็นอย่างดี  ควรกระจายพอร์ตการลงทุนไปแต่ละโบรกเกอร์แทนที่จะรวมไว้ในพอร์ตเดียว เช่น พอร์ตที่ 1 โบรกเกอร์ AXI พอร์ตที่ 2 โบรกเกอร์ Tickmill พอร์ตที่ 3 โบรกเกอร์ IC Market

Position sizing คือ กระบวนการกำหนดขนาดของการเทรดในแต่ละครั้ง เพื่อให้เหมาะสมกับความเสี่ยงที่เทรดเดอร์ยอมรับได้และสอดคล้องกับกลยุทธ์การเทรดของตน การกำหนดขนาดของตำแหน่ง (position) ที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญเพื่อป้องกันการสูญเสียที่มากเกินไปและเพื่อให้การเทรดมีความเสถียรและปลอดภัยมากขึ้น

วิธีการกำหนด Position sizing มีหลายวิธี ดังนี้:

• การกำหนดขนาดตำแหน่งตามเปอร์เซ็นต์ของทุน: เทรดเดอร์กำหนดว่าต้องการเสี่ยงเงินเป็นจำนวนกี่เปอร์เซ็นต์ของทุนที่มีอยู่ในการเทรดแต่ละครั้ง เช่น ถ้าเทรดเดอร์มีทุน 10,000 ดอลลาร์ และต้องการเสี่ยงไม่เกิน 2% ของทุนต่อการเทรด เทรดเดอร์จะยอมเสี่ยงสูงสุด 200 ดอลลาร์ต่อการเทรด
• การใช้ค่าความเสี่ยง (Risk): ค่าความเสี่ยงคือความแตกต่างระหว่างราคาที่เข้าเทรดกับราคา Stop Loss โดยเทรดเดอร์ต้องคำนวณความเสี่ยงที่ยอมรับได้และขนาดของตำแหน่งที่เหมาะสม เช่น ถ้าความเสี่ยงต่อการเทรดคือ 100 ดอลลาร์ และ Stop Loss อยู่ที่ 50 pip ขนาดของตำแหน่งจะเป็น 2 lot (200,000 หน่วย)

• การใช้ขนาดตำแหน่งคงที่ (Fixed Position Size): เทรดเดอร์กำหนดขนาดของตำแหน่งที่คงที่ในการเทรดทุกครั้ง เช่น เทรดเดอร์อาจตัดสินใจเทรดทุกครั้งด้วยขนาด 1 lot (100,000 หน่วย) ไม่ว่าจะมีทุนเท่าไหร่หรือมีความเสี่ยงอย่างไร
• การใช้สูตร Kelly Criterion: เป็นสูตรคำนวณที่ใช้ในการกำหนดขนาดของตำแหน่งโดยอ้างอิงจากความน่าจะเป็นของการชนะและการแพ้ สูตรนี้ช่วยให้เทรดเดอร์สามารถเพิ่มผลตอบแทนสูงสุดในระยะยาว แต่มีความซับซ้อนกว่าวิธีอื่น ๆ
• การปรับขนาดตำแหน่งตามความผันผวน (Volatility-based Position Sizing): การกำหนดขนาดของตำแหน่งโดยพิจารณาจากความผันผวนของตลาด เช่น การใช้ ATR (Average True Range) ในการคำนวณความเสี่ยงและขนาดของตำแหน่งที่เหมาะสม

อัตราส่วนความเสี่ยงต่อผลตอบแทน (Risk-Reward Ratio) ในการเทรดฟอเร็กซ์เป็นตัวชี้วัดที่ใช้ในการเปรียบเทียบ ความเสี่ยง ที่ยอมรับได้กับผลตอบแทนที่คาดหวังจากการเทรดหนึ่งครั้ง อัตราส่วนนี้ช่วยให้เทรดเดอร์สามารถวางแผนการเทรดและการจัดการ ความเสี่ยง ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยทั่วไปแล้วอัตราส่วนความเสี่ยงต่อผลตอบแทนสามารถคำนวณได้ดังนี้:

Risk-Reward Ratio = (จำนวนเงินที่เสี่ยง) / (จำนวนเงินที่คาดว่าจะได้รับ)

ยกตัวอย่างเช่น:

1. การตั้งค่าอัตราส่วน 1:2: หากเทรดเดอร์ยอมเสี่ยง 100 ดอลลาร์ในการเทรดหนึ่งครั้งและคาดว่าจะได้รับผลตอบแทน 200 ดอลลาร์ อัตราส่วนความเสี่ยงต่อผลตอบแทนจะเป็น 1:2 หมายความว่าเทรดเดอร์ยอมเสี่ยง 1 ส่วนเพื่อมีโอกาสได้รับผลตอบแทน 2 ส่วน
2. การตั้งค่าอัตราส่วน 1:3: หากเทรดเดอร์ยอมเสี่ยง 100 ดอลลาร์และคาดว่าจะได้รับผลตอบแทน 300 ดอลลาร์ อัตราส่วนความเสี่ยงต่อผลตอบแทนจะเป็น 1:3 หมายความว่าเทรดเดอร์ยอมเสี่ยง 1 ส่วนเพื่อมีโอกาสได้รับผลตอบแทน 3 ส่วน

เทรดเดอร์สามารถใช้ประโยชน์จากเครื่องมือการจัดการความเสี่ยงต่างๆ ที่มีอยู่ในแพลตฟอร์มการซื้อขายเพื่อจัดการ ความเสี่ยง ได้ เช่น

• การตั้ง Trailing Stop TP และ SL
• การออก Lot Size ที่เหมาะสม
• ไม่ออกออเดอร์หลายไม้จนเกินไป

ตลาดฟอเร็กซ์มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา และกลยุทธ์การจัดการ ความเสี่ยง จะต้องมีการพัฒนาตามไปด้วย เทรดเดอร์ควรประเมินเทคนิคการจัดการความเสี่ยงอย่างสม่ำเสมอ

วิเคราะห์ประสิทธิภาพการซื้อขาย และทำการปรับเปลี่ยนที่จำเป็น วิธีการนี้ทำให้มั่นใจได้ว่าการบริหารความเสี่ยงยังคงมีประสิทธิภาพและสอดคล้องกับสภาวะตลาดที่เปลี่ยนแปลง ซึ่งจะเป็นการเพิ่มโอกาสในการประสบความสำเร็จในระยะยาว

ในโลกของการเทรดฟอเร็กซ์ที่มีความผันผวนสูง การบริหาร ความเสี่ยง ไม่ใช่เรื่องฟุ่มเฟือยแต่เป็นสิ่งจำเป็น ความสำคัญของกลยุทธ์การบริหาร ความเสี่ยง ที่มีประสิทธิภาพ สามารถทำได้โดยการประเมิน ความเสี่ยง ที่อาจเกิดขึ้น ตั้งเป้าหมายที่เป็นจริง กระจายพอร์ตการลงทุน ปรับขนาดตำแหน่งให้เหมาะสม และใช้เครื่องมือการจัดการ ความเสี่ยง จะช่วยให้เทรดเดอร์สามารถปกป้องเงินทุนและลดความสูญเสียได้

การประเมินอย่างสม่ำเสมอและการปรับกลยุทธ์การบริหาร ความเสี่ยง เป็นสิ่งสำคัญสำหรับความสำเร็จในระยะยาวในการเทรดฟอเร็กซ์ โปรดจำไว้ว่าในขอบเขตของการซื้อขายฟอเร็กซ์ ความเสี่ยงเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่การจัดการอย่างมีประสิทธิภาพสามารถสร้างความแตกต่างระหว่างความสำเร็จและความล้มเหลวได้

” การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนตัดสินใจลงทุน “

ตลาด Forex เป็นตลาดที่มีความผันผวนสูง ประวัติผลการเทรดของเรา (Myfxbook) เป็นเพียงผลการเทรดย้อนหลัง จึงไม่สามารถการันตีผลการเทรดในอนาคตได้ ดังนั้นผู้ลงทุนต้องพิจารณาความเสี่ยงและยอมรับความเสี่ยงด้วยตนเอง เราไม่มีนโยบายในการระดุมทุน และไม่สนับสนุนการระดุมทุน